วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ศึกษาดูงาน บริษัท ซีพี เอฟ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) นครราชสีมา


รายงาน
สิ่งที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้

ในภาพอาจจะมี 4 คน, คนที่ยิ้ม, ผู้คนกำลังยืน และสถานที่ในร่ม

           บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “ซีพีเอฟ”) เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะครบวงจร บริษัทมีการดำเนินธุรกิจใน 13 ประเทศทั่วโลก และมีการส่งออกสินค้าจากประเทศไทยไปจำหน่ายในต่างประเทศกว่า 25 ประเทศ ครอบคลุมผู้บริโภคกว่า 4 พันล้านคน การดำเนินธุรกิจของบริษัทครอบคลุมประเภทของสัตว์บกและสัตว์น้ำ โดยมีประเภทสัตว์หลัก ได้แก่ สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ด กุ้ง และ ปลา โดยกระบวนการผลิตครบวงจรนั้น เริ่มตั้งแต่ การผลิตอาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์สัตว์ การเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า การแปรรูปเนื้อสัตว์ขั้นพื้นฐาน การผลิตสินค้าเนื้อสัตว์แปรรูปกึ่งปรุงสุกและปรุงสุก การผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปหรือผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานรวมถึงการดำเนินธุรกิจช่องทางการขายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารในรูปแบบร้านค้าปลีกและร้านอาหาร

         การเริ่มต้นของบริษัทซีพีเอฟ จำกัด (มหาชน) 
2516    โรรงานแปรรูปบางนา
2521    โรงงานแปรรูปมีนบุรี
2532    โรงงานแปรรูปสระบุรี
2547    โรงงานแปรรูปโคราช  เป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดและดูดีที่สุด

                    ประเภทสัตว์เลี้ยงที่สำคัญของธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ของบริษัท ได้แก่ สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ด กุ้ง และปลา โดยมีผลิตภัณฑ์ 2 ประเภทหลักประกอบด้วย 1) พันธุ์สัตว์ และ 2) สัตว์มีชีวิตและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์มีชีวิต และเนื้อสัตว์แปรรูปขั้นพื้นฐาน ซึ่งความสำเร็จอย่างยั่งยืนของธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ขึ้นอยู่กับคุณภาพอาหารสัตว์ สายพันธุ์สัตว์ เทคโนโลยีการบริหารจัดการฟาร์ม และระบบการจัดการความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ
              ด้วยความมุ่งหวังในการสร้างเสริมโอกาสการเข้าถึงแหล่งโปรตีนและสารอาหารคุณภาพและปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา การรองรับการเติบโตของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการปรับตัวต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา บริษัทจึงใส่ใจในทุกกระบวนการดำเนินงานของธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่การเพาะพันธุ์ การเลี้ยง และการแปรูป ดังนี้
                                              
                                             
การเพาะพันธุ์สัตว์
บริษัทให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาด้านการปรับปรุงสายพันธุ์สัตว์ตามหลักพันธุกรรมธรรมชาติ เพื่อให้ได้มาซึ่งพันธุ์สัตว์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับสภาพการเลี้ยงในประเทศ ซึ่งผลจากการวิจัยและพัฒนาอย่างครบวงจร ช่วยให้สัตว์มีอัตราการเจริญเติบโตดีในจำนวนวันเลี้ยงที่สั้นลง กินอาหารได้มากขึ้น อัตราแลกเนื้อและอัตรารอดสูง ทั้งยังแข็งแรงและต้านทานโรค เหมาะสมต่อการนำมาสร้างสรรค์อาหารคุณภาพและปลอดภัยต่อการบริโภค
การเลี้ยงสัตว์
บริษัทพิจารณาสถานที่ตั้งฟาร์มบนพื้นฐานความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็นในการเลี้ยงสัตว์ เช่น การมีแหล่งน้ำพอเพียงต่อการเลี้ยง การบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในบริเวณโดยรอบ คำนึงถึงระยะทางจากโรงงานอาหารสัตว์มายังฟาร์มและไปที่โรงชำแหละ เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการขนส่งและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์อย่างต่อเนื่อง และได้นำมาตรฐานการผลิตที่ดีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และมาตรฐานสากล อาทิ การจัดการคุณภาพการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (Good Agricultural Practice: GAP) Global Good Agricultural Practice (Global G.A.P.) การจัดการสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งอย่างยั่งยืน (Code of Conduct: CoC) มาใช้ควบคู่ไปกับการเลี้ยงที่ทันสมัย

       บริษัทใส่ใจในสุขภาพของผู้บริโภคและมีความมุ่งมั่นที่จะ “เติมชีวิตที่ดี” ให้กับทุกช่วงวัย จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอาหารที่ตอบสนองความต้องการและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค อันนำมาซึ่งผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีความหลากหลาย ปลอดภัยต่อการบริโภค และพร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม และใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทมุ่งสร้างสรรค์ทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้เลือกสรรผ่านผลิตภัณฑ์อาหารสด อาหารแปรรูป และอาหารปรุงสุก ภายใต้ตราสินค้า  , คิทเช่นจอย, ห้าดาว, บีเค, และบีเคพี สำหรับกิจการในประเทศไทย และตราสินค้า  ,ห้าดาว, Taste Inc, และ Michelina’s สำหรับกิจการต่างประเทศเป็นต้น ซึ่งมีความหลากหลายทั้งด้านรูปแบบ รสชาติ ขนาด และคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งยังมีการผลิตเพื่อจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า

      ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ บริษัทซีพีเอฟผลการค้นหารูปภาพสำหรับ บริษัทซีพีเอฟ

          ผลิตภัณฑ์หลักที่สำคัญของธุรกิจอาหารสัตว์ ได้แก่ อาหารสุกร อาหารไก่ อาหารเป็ด อาหารกุ้ง และอาหารปลา ทั้งในรูปหัวอาหารและอาหารสำเร็จรูปชนิดผงและชนิดเม็ด บริษัทตระหนักดีว่า “คุณภาพการผลิตที่มีประสิทธิภาพด้วยการก้าวทันเทคโนโลยี” เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้อาหารสัตว์ของบริษัทเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ ทั้งในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ที่บริษัทเข้าไปลงทุน
บริษัทให้ความสำคัญตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการผลิต ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี ผ่านระบบการวิเคราะห์และตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบโดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025 ซึ่งข้อมูลจากห้องปฏิบัติการกลางและห้องปฏิบัติการสาขาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศยังเชื่อมโยงถึงกัน เพื่อสนับสนุนข้อมูลด้านคุณค่าทางโภชนาการและความปลอดภัยของวัตถุดิบสำหรับเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการคำนวณสูตรอาหารสัตว์ที่เหมาะสมตามความต้องการของสัตว์แต่ละชนิด สายพันธุ์ และวัย รวมถึงความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
บริษัทได้ใช้ระบบควบคุมการผลิตอาหารสัตว์ด้วยคอมพิวเตอร์มานานกว่า 40 ปี และประยุกต์ใช้ระบบมาตรฐานสากลในกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งได้รับการรับรองจากหน่วยงานอิสระภายนอก (3rd Party) มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001) หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Manufacturing Practice : GMP) ระบบวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤต (Hazard Analysis and Critical Control Point : HACCP) Best Aquaculture Practice (BAP), International Fishmeal and Fishoil Organization’s Responsible Supply Chain of Custody (IFFO RS CoC) จากองค์การปลาป่นสากล, และมาตรฐาน QS เป็นต้น เพื่อคุณภาพที่สม่ำเสมอและความปลอดภัยสูงสุดต่อสัตว์และผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังนำหุ่นยนต์ซึ่งออกแบบและพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมวิศวกรภายใน มาใช้ในระบบการผลิตของบริษัทโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอีกด้วย
นอกเหนือจากคุณภาพของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ บริษัทยังมุ่งมั่น “จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน” กล่าวคือ วัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์จะมาจากแหล่งที่มีกระบวนการผลิตที่มีความรับผิดชอบทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและแรงงานตามนโยบายการจัดหาอย่างยั่งยืน และแนวปฏิบัติสำหรับคู่ค้าธุรกิจของบริษัทที่ได้มีการดำเนินการในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบจากแหล่งผลิตในประเทศเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะในบริเวณท้องที่ที่โรงงานอาหารสัตว์ตั้งอยู่ เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นและช่วยลดระยะทางและพลังงานที่ใช้สำหรับการขนส่ง ในกรณีที่วัตถุดิบที่ปริมาณการจัดซื้อในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในการผลิต เนื่องจากปริมาณผลผลิตไม่เพียงพอหรือคุณภาพไม่ได้ตามมาตรฐานจึงจะมีการนำเข้าจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการดำเนินการจัดหาวัตถุดิบทดแทน เพื่อกระจายความหลากหลายของวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดแคลนวัตถุดิบบางชนิดในบางช่วงเวลา อันหมายถึงการรักษาความสามารถและเพิ่มศักยภาพในการผลิตของบริษัทและ คู่ค้าอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทก็ได้ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพอาหารสัตว์ที่จะต้องสอดคล้องกับความต้องการของสัตว์และระบบการเลี้ยง ก่อนพัฒนาหรือปรับปรุงสูตรอาหารที่สนับสนุนการเจริญเติบโตของสัตว์แต่ละชนิด สายพันธุ์ และวัย ซึ่งจะครอบคลุมทั้งในเรื่องความต้องการสารอาหารของสัตว์ วัตถุดิบ สารอาหารเสริม ตลอดจนนวัตกรรมอาหารสัตว์ที่สนองตอบโจทย์ความต้องการ แนวโน้ม และการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว
และด้วยบริษัทมีความจำเป็นต้องใช้พลังงานความร้อนในกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ โดยแหล่งพลังงานความร้อนมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลจากถ่านหินและน้ำมันเตาเป็นหลัก ซึ่งมีกระบวนการเผาไหม้เชื้อเพลิงส่งผลต่อปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โรงงานผลิตอาหารสัตว์ของบริษัทจึงได้ติดตั้งอุปกรณ์หม้อไอน้ำให้สามารถใช้เชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) อาทิ แกลบ ซังข้าวโพด กะลาปาล์ม ฟืน แทนเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อบรรเทาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้ ยังติดตั้งเครื่องกรองฝุ่นและนำเทคโนโลยี Ozone เข้ามาใช้ เพื่อป้องกันฝุ่นและลดกลิ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตมิให้ฟุ้งกระจายออกไปรบกวนชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบสถานประกอบการ
ด้วย
การแปรรูปขั้นพื้นฐาน
บริษัทพิถีพิถันกับกระบวนการแปรรูป เพราะทราบดีว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญของการได้มาซึ่งวัตถุดิบพื้นฐานที่จะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพอาหารที่ปลอดภัยและปลอดสาร ด้วยการปฏิบัติตามหลักการและมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสัตว์อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การจับไก่-เป็ด การต้อนสุกร การเก็บเกี่ยวผลผลิตสัตว์น้ำที่ดำเนินการด้วยความนุ่มนวล รวมไปถึงการขนส่งซึ่งใช้ภาชนะที่ดีและเหมาะสม เช่น ไม่ก่อให้เกิดอันตรายขณะขนส่ง จำกัดความหนาแน่นของจำนวนสัตว์ และเมื่อมาถึงโรงงานแปรรูป รถขนส่งจะต้องจอดพักในบริเวณที่เหมาะสมและสบายสำหรับตัวสัตว์ เพื่อลดความเครียดของสัตว์ ก่อนที่จะผ่านกระบวนการตัดแต่งเนื้อและการบรรจุที่เน้นรักษาความสดและสะอาด
ด้วยลักษณะของธุรกิจการเลี้ยงสัตว์อาจก่อให้เกิดกลิ่นอันเนื่องมาจากมูลสัตว์ได้ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของบริษัทส่วนใหญ่จึงตั้งอยู่นอกเขตชุมชนและห่างไกลจากเขตการเลี้ยงสัตว์ที่หนาแน่น ขณะเดียวกัน มูลสุกรที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปรากฏการณ์เรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน บริษัทได้กำหนดมาตรการและระบบการบริหารจัดการที่ดี ด้วยการนำของเสียจากฟาร์มมาใช้ผลิตแก๊สชีวภาพ (Biogas) เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าใช้ในฟาร์มต่อไป และยังได้ส่งเสริมให้ และฟาร์มคู่ค้าของบริษัทใช้ระบบนี้อย่างกว้างขวาง ซึ่งไม่เพียงแต่มีส่วนในการบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งด้านของเสียและมลภาวะทางอากาศ หากยังช่วยให้บริษัทและเกษตรกรลดค่าไฟฟ้าในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย
บริษัทใส่ใจในสุขภาพของผู้บริโภคและมีความมุ่งมั่นที่จะ “เติมชีวิตที่ดี” ให้กับทุกช่วงวัย จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอาหารที่ตอบสนองความต้องการและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค อันนำมาซึ่งผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีความหลากหลาย ปลอดภัยต่อการบริโภค และพร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม และใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทมุ่งสร้างสรรค์ทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้เลือกสรรผ่านผลิตภัณฑ์อาหารสด อาหารแปรรูป และอาหารปรุงสุก ภายใต้ตราสินค้า  , คิทเช่นจอย, ห้าดาว, บีเค, และบีเคพี สำหรับกิจการในประเทศไทย และตราสินค้า  ,ห้าดาว, Taste Inc, และ Michelina’s สำหรับกิจการต่างประเทศเป็นต้น ซึ่งมีความหลากหลายทั้งด้านรูปแบบ รสชาติ ขนาด และคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งยังมีการผลิตเพื่อจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า
ทั้งนี้ การสร้างความมั่นคงทางอาหารยังคงเป็นประเด็นหลักที่ท้าทายของอุตสาหกรรมอาหาร และหัวใจสำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพคือคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและเทคโนโลยีชีวภาพอย่างสร้างสรรค์
ด้วยความปลอดภัย สุขภาพ และโภชนาการ คือส่วนผสมของความใส่ใจในทุกผลิตภัณฑ์อาหารที่บริษัทตั้งใจส่งมอบให้แก่ผู้บริโภคกว่า 4 พันล้านคนทั่วโลก บริษัทจึงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยตลอดกระบวนการด้วยการนำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ควบคู่ไปกับระบบบริหารระดับสากลมาใช้ อาทิ ระบบบริหารคุณภาพ (ISO 9001) หลักเกณฑ์การปฏิบัติที่ดีในการผลิต (Good Manufacturing Practices - GMP) ระบบการวิเคราะห์จุดวิกฤติที่ต้องควบคุมเพื่อความปลอดภัยอาหาร (Hazard Analysis and Critical Control Point - HACCP) รวมถึงระบบมาตรฐานที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มมาใช้บริหารจัดการเพิ่มเติม เช่น ระบบคุณภาพสำหรับธุรกิจค้าปลีกอาหาร (The British Retail Consortium: BRC) มาตรฐานอาหารฮาลาล (Halal Standard) Best Aquaculture Practices Standards : BAP เป็นต้น ซึ่งได้รับการรับรองและตรวจประเมินจากหน่วยงานภายนอกและลูกค้าเป็นประจำ ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัทยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบด้วย โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการยกระดับงานด้านการตรวจสอบย้อนกลับอย่างต่อเนื่อง อาทิ กิจการประเทศไทยได้นำระบบคิวอาร์โค้ด (Quick Response Code) มาใช้ในปี 2557 และริเริ่มโครงการ CPF Value Chain_Traceability ในปี 2558 ซึ่งเป็นระบบการสอบกลับแบบออนไลน์ตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร (Whole Chain Online traceability) ภายใน 2 นาที โดยคาดว่าจะพัฒนาครอบคลุมทุกสายผลิตภัณฑ์ในปี 2560
บริษัทยังพยายามอย่างต่อเนื่องในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภคแต่ละช่วงวัย เช่น ในประเทศไทยได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไก่ไข่โอเมก้าพลัสสำหรับกลุ่มเด็กซึ่งมุ่งส่งเสริมการเจริญเติบโต ผลิตภัณฑ์กลุ่ม CP Balance และ CP Smart Meal ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มที่มีโคเรสเตอรอลและไขมันอิ่มตัวต่ำ แต่มีคุณค่าทางอาหารและใยอาหารสูง เพื่อตอบสนองต่อกลุ่มคนทำงานและผู้สูงวัยที่รักสุขภาพอีกทั้งยังนำเสนอสินค้าใหม่ ที่มีคุณภาพและหลากหลายประเภทอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 กิจการในประเทศไทยได้นำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารนวัตกรรมใหม่ อาทิเช่น ดับเบิ้ลเบอร์เกอร์ไก่ชีส ไส้กรอกคอกเทลแฮมชีส เบอร์เกอร์เนื้อวัว ไข่ไก่ต้มสุกปอกเปลือก ไก่แดดเดียวพร้อมข้าวเหนียว ปีกไก่รมควัน เสต๊กไก่สไปซี่ชิลลี่ ไส้กรอกรมควัน เบอร์เกอร์หมูและไข่ออมเล็ต และเบอร์เกอร์ปลาแซลมอน เป็นต้น
ไม่เพียงแต่คุณภาพ ความปลอดภัยอาหาร และสุขโภชนาการเพื่อผู้บริโภคที่บริษัทให้ความใส่ใจ หากการมีส่วนร่วมปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านกระบวนการผลิต และการใช้ทรัพยากรยังเป็นอีกเรื่องสำคัญที่บริษัทให้ความห่วงใยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ด้วยการริเริ่ม “โครงการคาร์บอนฟุตพริ้นท์” เป็นรายแรกของภูมิภาคเอเชียนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ ไก่ กุ้ง หมู นม และอาหารสัตว์ในประเทศไทยได้ขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ไว้กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) พร้อมแผนขยายโครงการให้ครอบคลุมทุกสายผลิตภัณฑ์ภายในปี 2561 ต่อมาในปี 2554 ซีพีเอฟได้ริเริ่ม “โครงการผลิตภัณฑ์ซีพีเอฟที่ยั่งยืน” ขึ้นในประเทศไทยโดยนำหลักการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle Assessment) ตามมาตรฐานสากล ISO 14040 และ ISO 14044 และหลักประเมินประสิทธิภาพเชิงเศรษฐนิเวศ (Eco-Efficiency Analysis) ซึ่งเป็นการประเมินประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิตควบคู่ไปกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้ โดยผลิตภัณฑ์ไก่ของบริษัทกว่า 700 รายการได้รับมาตรฐาน ProSustain® จาก DNV-GL ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำที่ให้การรับรองผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนระดับโลก นับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ไก่ยั่งยืนรายแรกของโลก โดย ซีพีเอฟมีแผนขยายโครงการไปยังผลิตภัณฑ์ไข่และอาหารพร้อมรับประทานอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วม “โครงการฉลากลดโลกร้อน” โดยผลิตภัณฑ์ไก่ได้รับฉลากลดโลกร้อน 3 รายการ ได้แก่ ลูกไก่ ไก่มีชีวิต และเนื้อไก่สด ตลอดจนผลิตภัณฑ์เกี๊ยวกุ้งซีพี ซึ่งฉลากลดโลกร้อนของเนื้อไก่สดมีค่าเฉลี่ยที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่าอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อไก่ของไทยถึงร้อยละ 50 ขณะที่เกี๊ยวกุ้งซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กุ้งรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับฉลากนี้ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึงร้อยละ 23
เพื่อเพิ่มความสะดวกของผู้บริโภคในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัท บริษัทได้ขยายการลงทุนในช่องทางจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้
1. ธุรกิจห้าดาว   เป็นการบริหารจัดการจุดขายห้าดาวในรูปแบบแฟรนไชส์ เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจของตนเอง โดยมีผลิตภัณฑ์ภายใต้จุดขายห้าดาวทั้งหมด 6 ประเภท ได้แก่ จุดขายไก่ย่าง จุดขายไก่ทอด จุดขายข้าวมันไก่ จุดขายบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง จุดขายเรดดี้มีล และจุดขายไส้กรอก นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจห้าดาวไปยังประเทศเวียดนาม อินเดีย ลาว และกัมพูชา
2. ร้านอาหารเชสเตอร์   เป็นธุรกิจร้านอาหารจานด่วน ดำเนินการโดยบริษัทและในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยมีทั้งร้านที่บริษัทดำเนินการเอง และดำเนินการในรูปแบบแฟรนไชส์
3. ร้านอาหารซีพี คิทเช่น   เป็นร้านอาหารบริการด่วน (Fast Serve) ภายใต้แนวคิดอาหารสดใหม่ อิ่มอร่อย ราคายุติธรรม (Fresh, Full and Fair)
4. ร้านค้าปลีกซีพี เฟรชมาร์ท   เป็นร้านค้าปลีกที่เน้นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการประกอบอาหาร จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสด อาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน และอาหารแห้ง ภายใต้มาตรฐานสินค้าของแบรนด์ซีพี แบรนด์ซีพี เฟรชมาร์ท และแบรนด์ชั้นนำมาจัดจำหน่าย เป็นศูนย์รวมสินค้าอาหารที่สด สะอาด ปลอดภัยและมีคุณภาพดี ในปี 2559 ซีพี เฟรชมาร์ท ได้มีร้านรูปแบบใหม่เรียกว่า Compact Super โดยเน้นการสร้างความสะดวกสบายในการเข้าถึงอาหารดีมีคุณภาพราคายุติธรรมให้แก่ทุกชุมชน ซึ่งส่งผลให้คนไทยเข้าถึงอาหารที่มีความหลากหลายและส่งเสริมสุขภาพคนไทย
5. ศูนย์อาหารซีพี ฟู้ดเวิลด์   เป็นศูนย์อาหารที่มีความหลากหลายของร้านอาหาร ทั้งที่เป็นร้านอาหารของกลุ่มบริษัทเองและร้านอาหารจากภายนอก โดยซีพี ฟู้ดเวิลด์ ก้าวขึ้นสู่การเป็นธุรกิจชั้นนำระดับแนวหน้าของกลุ่มธุรกิจศูนย์อาหาร ด้วยการเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารคุณภาพ ที่เน้นเรื่องรสชาติและการบริการอย่างมืออาชีพ ใส่ใจในความต้องการของผู้บริโภค เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย 
นอกจากจุดเด่นในด้านอาหารแล้ว ศูนย์อาหาร ซีพี ฟู้ดเวิลด์ ยังเป็นศูนย์อาหารที่ได้มาตรฐานในด้านความสะอาดของอุปกรณ์ รวมทั้งสุขอนามัยของพนักงานผู้ให้บริการ เป็นการรวบรวมคุณภาพทุกๆ ด้าน ภายใต้บรรยากาศที่ทันสมัย เพื่อให้เป็นหนึ่งในศูนย์อาหารของคนรุ่นใหม่ ปัจจุบันศูนย์อาหาร ซีพี ฟู้ดเวิลด์ ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาล นอกจากนี้ ซีพี ฟู้ดเวิลด์ ยังได้มีการขยายธุรกิจในช่องทางการบริการอาหารจัดเลี้ยงเต็มรูปแบบ โดยแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
• บริการอาหารจัดเลี้ยง โดยให้บริการทางด้านอาหารทั้ง Meal Box และ Snack Box รวมถึงการจัดเลี้ยงแบบครบวงจร
• บริการอาหารสำหรับผู้ป่วย โดยมีแผนกโภชนาการ ภายใต้การกำกับดูแลของเชฟมืออาชีพ เข้ามาดูแลในทุกเมนูอาหาร เพื่อให้ได้อาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย รสชาติอร่อย การทำงานทุกขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐานสากลระดับโลก อย่าง JCI และ HACCP เพื่อมุ่งสู่การเป็นทีมงานบริการมืออาชีพในโรงพยาบาล
6. ตู้เย็นชุมชน   เป็นการสนับสนุนให้ผู้บริโภคในชุมชนได้เข้าถึงแหล่งอาหารที่สด สะอาด ปลอดภัยและมีคุณภาพ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมอาชีพและเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบธุรกิจ โดยในปี 2559 บริษัทได้ริเริ่มโครงการตู้หมูชุมชนในประเทศไทย เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์เนื้อหมูที่สด สะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพ

                           ในภาพอาจจะมี 7 คน, ผู้คนกำลังยืน และสถานที่ในร่มในภาพอาจจะมี 2 คน, คนที่ยิ้ม, ผู้คนกำลังยืน


อ้างอิงมาจาก : https://www.google.co.th/searchq=%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%9F&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwie0tzg-ajgAhVIMI8KHcZyBTQQ_AUIDygC&biw=1440&bih=794
https://www.cpfworldwide.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แบบฝึกหัด บทที่ 10 เทคโนโลยีกับการจัดการความรู้

แบบฝึกหัด  บทที่ 10 เทคโนโลยีกับการจัดการความรู้ 1. สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหา 1 หน้ากระดาษรายงานเพื่อเตรียมตัวสอบ ตอบ   เทคโน...